วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

"สิ่งใดในตัวเธอซึ่งดูคล้ายอ่อนแอ และเลือนลางที่สุดนั้น
แท้จริงแข็งแรงและชัดเจนที่สุด
มิใช่ลมหายใจของเธอหรอกหรือ
ที่ได้ืำทำให้โครงสร้างของกระดูกเธอตั้งตรงและแข็งแรง
................. ถ้าเพียงแต่เธอได้เห็น กระแสลมหายใจนั้น
เธอจะเลิกมองดูสิ่งอื่นใด"


ปรัชญาชีวิต , คาลิล ยิบราน
ระวี ภาวิไล ถอดความ

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ชอบเวลาที่เรานั่งเงียบๆข้างๆกัน ไม่ต้องพูดอะไร ปล่อยความเงียบล่องลอยอยู่ระหว่างโลกความคิดและความรู้สึกของเราสองคน

......................................................
ความรู้สึกแบบนั้นอธิบายออกมาได้ยากจริง รู้แต่ว่ามันเป็นความพิเศษที่จะเกิดขึ้นเฉพาะกับบางคนที่เราต่างมีความผูกพันและยอมรับในกันและกันอย่างลึกซึ้ง คนที่เราสามารถมองข้ามข้อเท็จจริงภายนอกซึ่งอาจแย่ และยอมรับเนื้อในของชีวิตเขาได้อย่างไร้ข้อสงสัย

......................................................
ชอบความเงียบนั้น แต่สามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ข้างกัน และสามารถลาจากกันเมื่อใดก็ได้โดยไม่รู้สึกว่านั่นคือการลาจาก

.....................................................

(๑) วันเวลาช่วยให้เรามองเห็นและเข้าใจมิตรภาพสำคัญๆในชีวิตได้เป็นอย่างดี สิ่งเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องอ่อนหวาน รื่นรมย์ อยู่เสมอ
(๒) หากแต่เป็นการสัมพันธ์ที่เกาะเกี่ยวกันด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาซึ่งกันและกันแม้ว่าจะมีช่วงเวลาของความบาดหมาง ห่างเหิน
(๓) แต่รสชาติขมฝาด ก็อาจเป็นส่วนผสมที่ช่วยให้มิตรภาพแข็งแรงและต้านทานโรคร้ายที่สามารถกัดกร่อนความสัมพันธ์ได้เมื่อวันเวลาผ่านไป
(๔) ความรักก็เป็นเครื่องปรุงสำคัญของมิตรภาพไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใด เจือจาง เข้มข้น ตามแต่ละช่วงชีวิต ทว่าก็ยังคงปรากฏและอยู่ทนทานเหนือกาลเวลา

.....................................................

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ข้างชีวิต

-ข้างชีวิต-

"ฉันและเธอเธอและฉัน
นั้นเป็นคนสองคนที่สัมพันธ์กันอย่างซับซ้อ­นยากที่จะเข้าใจ
ฉันรู้จักเธอรู้จักฉัน
เหมือนมันจะมากกว่านั้นแล้วมันก็เท่านั้น ฉันไม่รู้ทำไม

...เหมือนถ้าเป็นรูปถ่าย ก็คงเป็นฉันและเธอยืนอยู่กันคนละมุม ไกลๆ
แต่ทุกรูปที่เธอถ่ายก็ต้องมีฉันนั้นดำรงอย­ู่ แต่ว่ายืนไม่ตรงกับจุดสนใจ

และที่ของฉัน นั้นคงเป็นได้แค่ข้างชีวิต
ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้เคียงคู่กันแนบชิดสนิท
เป็นอีกชีวิตข้างๆกัน ไม่ใช่ชีวิตที่คู่กัน ฉัน...และเธอ

ฉันคิดเธอคือคนนั้น
แล้วเธอไม่ตรงกับฉันคิด ไม่ขนาดนั้นฉันต้องพร้อมทำใจ
ฉันคิดเท่าที่อยากคิด คิดไป แม้เป็นแค่ฝัน คิดไปก็เท่านั้น ช่างมันประไร

...เหมือนถ้าเป็นรูปถ่าย ก็คงเป็นฉันและเธอยืนอยู่กันคนละมุม ไกลๆ
แต่ทุกรูปที่เธอถ่ายก็ต้องมีฉันนั้นดำรงอย­ู่ แต่ว่ายืนไม่ตรงกับจุดสนใจ

และที่ของฉัน นั้นคงเป็นได้แค่ข้างชีวิต
ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้เคียงคู่กันแนบชิดสนิท
เป็นอีกชีวิตข้างๆกัน ไม่ใช่ชีวิตที่คู่กัน ฉัน...และเธอ

...เหมือนถ้าเป็นรูปถ่าย ก็คงเป็นฉันและเธอยืนอยู่กันคนละมุม ไกลๆ
แต่ทุกรูปที่เธอถ่ายก็ต้องมีฉันนั้นดำรงอย­ู่ แต่ว่ายืนไม่ตรงกับจุดสนใจ

และที่ของฉัน นั้นคงเป็นได้แค่ข้างชีวิต
ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้เคียงคู่กันแนบชิดสนิท
เป็นอีกชีวิตข้างๆกัน ไม่ใช่ชีวิตที่คู่กัน ฉัน...และเธอ ก็คงจะเป็นได้เพียงเท่านั้น
เป็นได้แค่ภาพประกอบชีวิต
ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้เคียงคู่กันแนบชิดสนิท
เป็นอีกชีวิตข้างๆกัน ไม่ใช่ชีวิตที่คู่กัน ฉัน...และเธอ"

-แสตมป์-

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เพ่ง

ในฝนดวงดาวประกายบนฟ้ากว้างไกล

จันทร์นั้นเป็นใจหลบไป ให้ฟ้ามืดมิด

ปล่อยดาวให้ระบำอยู่ ส่องแสงเป็นตะเกียง ลิ่มเป็นร้อยพัน

*เพ่งมองในจุดนั้น ที่ใครคนหนึ่งพูดไว้ ว่าไม่มีคำอธิบาย

แหละสุดท้ายไม่เจอคำตอบใด เพ่งมองในจุดนั้น เมื่อวันที่ใจอ่อนล้า ปัญหาที่ยังไม่รู้คำตอบ ไม่ต่างกัน ไม่ต่างกันเลย...........

ชีวิตมากมาย ดั่งทรายในโลกใบใหญ่ เป็นแค่ละอองฝุ่นควัน ล่องลอยเคว้งคว้าง

ห่างไกลในอวกาศ ที่ไร้คำบรรยาย มีต่างกันเท่าไร

เพราะเธอยังส่องแสงอยู่ ให้รับรู้ว่าเรานั้นยังมีความหม­าย มีความหมาย ๆๆๆ.....

- ญารินดา -

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อาจมีบางเวลาที่บางสิ่งซึ่งนอนนิ่งสนิทอยู่ก้นบึ้งจะปรากฏขึ้นมาเตือนให้ระลึกได้ว่ามันยังคงค้างอยู่ แม้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเงื่อนปมหนักหนาแต่ก็ไม่อาจสูญสลายไปได้อย่างง่ายดาย

จนกระทั่งเช้าวันหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเข้มข้นและภาพในความฝันที่ชัดเจนราวกับเกิดขึ้นจริง นั่นจึงเป็นสัญญาณของกระดิ่งเตือนภัยที่เรียกร้องการเก็บกู้และชำระสะสางให้หมดจดเสียที

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไม่ค่อยได้เขียนบล็อกเลยช่วงที่ผ่านมา รู้สึกชีวิตแต่ละวันช่างเร็วและเต็มไปด้วยสิ่งที่ต้องทำมากมาย ไม่มีเวลาพอได้นั่งคิดทบทวนอะไรเป็นพิเศษ ทางหนึ่งก็ดีตรงที่ไม่ต้องรับรู้อะไรกับความรู้สึกของตัวเองมากนักเพราะบางทีมีเวลาเยอะไปก็คิดอะไรเพ้อเจ้อไร้สาระ แต่ในทางตรงข้ามก็ทำให้เราไม่ได้มองเห็นและทำความเข้าใจอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตขณะนั้นอย่างแท้จริง

ระยะนี้เป็นเวลาที่จัดการสะสางภาระงานต่างๆมากมาย รวมทั้งต้องวางแผนอนาคตที่จะมาถึง การที่เราต้องวางแผนอะไรที่เราก็ไม่แน่ใจว่าวันข้างหน้านั้นเราจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนนั้นด้วยหรือไม่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยและไม่เป็นปกติวิสัยของเราด้วย อย่างไรก็ตามสถานการณ์เช่นนี้จะต้องมาถึงไม่วันใดก็วันหนึ่ง สิ่งที่ต้องทำคือความระมัดระวังต่อสิ่งที่เราคิดว่ามันถูกต้องเหมาะสม ว่าจะสามารถเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับคนอื่นๆด้วยหรือไม่ เมื่อเราถูกวางเงื่อนไขให้เป็น "ผู้วางอนาคต" ก็ต้องวางเงื่อนระดับลึกลงไปอีกสำหรับตัวเองเพื่อให้อนาคตเป็นสิ่งที่คนอื่นๆจะร่วมสร้างได้อีก

จะพยายามเขียนต่อไปเพราะนั่นหมายถึงว่าตัวเองก็ได้มีเวลาสำหรับการทบทวนเรื่องราวต่างๆด้วย .............

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Men and women can not be friends?



This has been an issue which I've always discussed with friends not only girls but also boys. I think it's hard because we, men and women, sometimes has expected from our relationship differently even if we are "friends" but some flaws of friendship could be happened anytime.