วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Japan and I



วันหยุดยาว 5 วันที่ผ่านไป ได้อ่านหนังสือจบไปจริงจัง 2 เล่ม
คือ "Japan and I" และ "ผู้หญิงกลิ้งโลก"

ในโพสต์นี้ขอเล่าเกี่ยวกับเล่มแรกก่อนซึ่งเป็นงานเขียนเชิงสารคดีเดินทาง
ของนักเขียนซีไรต์ อุทิศ เหมะมูล ที่อ่านไปจนจบก็พบว่าคล้ายได้อ่านประวัติชีวิต
ของอุทิศไปด้วย เขาเล่าเรื่องข้างนอก ซึ่งก็คือ ประสบการณ์เดินทางในญี่ปุ่น
(ในโอกาสที่ได้รับเลือกเป็นผู้รับทุนจาก Japan Foundation)
เดินทางไปบรรยายตามหัวเมืองต่างๆทั่วประเทศญี่ปุ่น) โดยสะท้อนความรู้สึก
นึกคิดผ่านด้านในของตัวเอง แม้ไม่ได้อ่านงานรางวัลซีไรต์ของเขา
"ลับแล,แก่งคอย" ทว่าคำร่ำลือที่บอกว่า เขาเขียนหนังสือได้กระจ่างชัด
ซื่อสัตย์ และตรงไปตรงมากับตัวเอง(และผู้อ่าน) ก็ไม่ได้มากเกินไป
หากเทียบกับความรู้สึกของเราเองหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบลง
พร้อมๆกับความคิดคำนึงถึงญี่ปุ่นกลับมาเยือนอีกครั้ง
ประเทศนี้ยังอยู่ในความทรงจำเสมอและสัญญากับตัวเองว่า
สักวันหนึงต้องกลับไปอีกแน่นอน

ลองเปรียบเทียบ Japan and I กับหนังสือสารคดีเดินทางเล่มอื่นๆที่เคยอ่านมา
ความต่างคงอยู่ที่ ผู้เขียนบรรยาย,อธิบาย เรื่องราวด้านนอกได้อย่างละเอียดยิบ
ซึ่งดีพอกันกับอธิบายความรู้สึกด้านในของตัวเองได้ละเอียดละออเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้นความที่เป็นประสบการณ์การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรก
ทำให้เห็นว่าเขามีความตื่นเต้นและอยากเรียนรู้สิ่งต่างๆอย่างกระตือรือร้น
รวมทั้งไม่คาดหวังมากหรือน้อยเกินไปกับผู้ร่วมเดินทางและทางข้างหน้าที่จะพบเจอ

แก่นสารสาระของหนังสือคงอยู่ที่การเห็นข้างนอกและย้อนกลับมองข้างในของผู้เขียน
เขาสามารถเชื่อมโยงสิ่งต่างๆที่เจอเข้าหากัน รวมทั้งสะม้อนการเรียนรู้ของตัวเอง
ออกมาได้อย่างลึกซึ้ง แม่้ว่าส่วนตัวแล้วออกจะติดขัดกับภาษาของผู้เขียน
ที่ยอกย้อน สำบัดสำนวน รวมทั้งใช้ถ้อยคำยากๆ อยู่เสียเยอะ
ก็พยายามเข้าใจว่าคงเป็นสไตล์การเขียนส่วนตัวของผู้เขียน

หากจะสรุปอะไรสักอย่างจากการเล่มนี้ ก็คงเป็นดังเช่นถ้อยคำบนปกหนังสือที่ว่า
"เดินไปข้างหน้าและย้อนลึกกลับมาข้างหลังในระหว่างกันและกัน"

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Something borrowed


‎"It's a line between love and friendship" ทั้งความรักและความสัมพันธ์
ไม่อาจกะเกณฑ์ตามใจปรารถนาได้เสียหมด
ไม่สามารถขึ้นอยู่กับ คน (สัตว์ สิ่งของ) เวลา สถานที่
บางสิ่งจึงปรากฏขึ้นอย่างไม่ถูกที่ ไม่ถูกทาง ไม่ถูกเวลา
บางทีความรักและความสัมพันธ์ก็อาจต้องการความกล้าหาญ
และสัญชาติญาณที่ดีด้วยเหมือนกัน (มั้ง?)

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่พยายามดึงดันให้ลุล่วง ไม่สามารถเป็นไปได้
กลับเป็นภาวะที่สงบนิ่งได้อย่างคาดไม่ถึง และรู้สึกเบา ไม่เป็นภาระอีกค่อไป
คงต้องเป็นอย่างนี้สินะ ต้องลองพยายามจนถึงที่สุด ต้องลองเผชิญกับความร้อนรน
สับสนวุ่นวายอย่างไม่รู้จักจบสิ้นเสียก่อน จึงจะเข้าใจได้ถึงการปล่อยวาง

ภาระของเมื่อวานไม่สามารถเป็นภาระของปัจจุบันได้อีกแล้ว
ต่อจากนี้คือเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นใจและวางใจกับตัวเองเท่านั้น