วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จัดระเบียบภาวะว้าวุ่น

หากจะบอกว่าฤดูกาล อากาศ สภาพแวดล้อม เปลี่ยนแปลงแล้วจะไม่ทำให้อะไร/ใครเปลี่ยนไปเลย คงไม่ทั้งหมดแน่ กระทั่งคนดื้อรั้นอย่างเราเองยังรู้สึกเบิกบานขึ้นมาโดยอัตโนมัตเมื่ออากาศเริ่มเย็นขึ้น บรรยากาศสภาพแวดล้อมสดชื่น ก็ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดี และเบิกบานไปด้วย แม้จะรู้ว่าไม่ควรไปติดกับภายนอกให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภายในเรามากนัก แต่เมื่ออยู่ในภาวะที่ต้องการปัจจัย/ตัวช่วย หนักๆเข้ามาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ หรือช่วยเกื้อหนุนให้เราอยู่ในสภาพที่พร้อมกับการรับมือกับ "เรื่องร้อน" รอบตัว มันก็ดีขึ้นมากทีเดียว

ช่วงระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา จิตใจมักล่องลอย ฟุ้งไปไกลอยู่เสมอ ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว คิดโน่นนี่ จินตนาการถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไปเรื่อย มากจนกระทั่งมันทำให้เรารู้สึกตัวได้ว่าเยอะไปแล้ว ต้องเรียกสติกลับมาอยู่เสมอ เมื่อรู้สึกตัวว่าชักจะคิดไปไกลจากความเป็นจริงที่เป็น เลยจำเป็นต้องหาวิธีการเข้ามาช่วยสร้างระเบียบให้กับสติและอารมณ์ภายใน เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นคือ การสวดมนต์ ใช้กลางคืนก่อนนอน เพราะภาวะก่อนนอนหลับนี่ตัวดีเลย ขณะเมื่อล้มตัวลงนอนและยังไม่หลับ จิตใจเรามักลอยไปไกล หากวัดระยะทางคงออกไปนอกโลกหรืออยู่บนคาวเคราะห์อื่นแล้ว (^-^) การได้สวดมนต์ยาวแบบทำวัตรเย็น (บทแปล) ช่วยเรียกสติ จัดระเบียบให้มันอยู่้ในที่ทาง ก่อนนอน เพราะยิ่งลอยฟุ้งก็ยิ่งนอนหลับยากมากขึ้นทุกที

ในชีวิตประจำวันตอนนี้พยายามหาเครื่องมือมาช่วยจัดระเบียบวินัยในชีวิตทั้งด้านนอกและด้านใน ด้านนอกนั้นยิ่งจำเป็นเพราะงานแต่ละวันนั้นมากมาย อีกทั้งต้องปะทะสังสรรค์กับผู้คนอีกเยอะด้วยแล้ว หากไม่มีวินัยที่ดีพอยิ่งจะทำให้ปั่นป่วน เป็นทุกข์ได้ หากงานด้านนอกเป็นเระเบียบระดับหนึ่งแล้ว จะช่วยให้ชีวิตด้านในโปร่ง เบา ขึ้นไปได้มาก ซึ่งหลังจากนั้นการทำงานกับสติและภาวะอารมณ์ด้านในก็จะง่ายและราบรื่นยิ่งขึ้น

นี่เป็นการเขียนเพื่อเตือนความจำของตัวเองเอาไว้ เพื่อให้เป็นหลักฐาน เพื่อให้ระลึึกได้ว่า ยามที่ว้าวุ่น เราผ่านมันมาได้อย่างไร เพราะคนเรามักหลงลืมอะไรบางอย่างได้เสมอ

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เล่าเรื่องเมลเบิร์น (ต่อ 2)

เมื่อกลับจากพัฟฟิ่ง บิลลี่ ทริป รู้สึกติดใจการได้ออกไปเที่ยวนอกเมืองเมลเบิร์นมาก มีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด อีกทั้งมีสีสันที่แตกต่างจากในตัวเมืองมากทีเดียว ก็เลยได้แต่ตั้งตารอคอยอีกทริปหนึ่งที่เราและเพื่อนจันได้จองเอาไว้คือ Great Ocean Road ซึ่งพอได้เห็นรูปสถานที่ที่จะได้ไป ก็ยิ่งทำให้ตื่นเต้นมากขึ้น

สำหรับ เกรท โอเชี่ยน โรด เราไปเจอกับคณะทัวร์ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งแถวๆสถานีรถไฟ Flinder Street ในเมืองแต่เช้าตรู่ การเดินทางวันนี้เราไปเป็นกลุ่มเล็กๆ มีกันประมาณ 20 คนไกด์ที่นำทางเราทำเอาทึ่งเพราะเขาทำทุกอย่างตลอดทริปจริงๆ ทั้งขับรถ อธิบาย บรรยายสถานที่ต่างๆ ให้ความรู้เชิประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เปิดเพลงให้เข้าบรรยากาศการเดินทาง สอดแทรกมุขขำขัน ให้ืทุกคนไม่เบื่อระหว่างเดินทาง ฯลฯ สามารถรอบด้าน คุยไปมาจึงได้รู้ว่าเขายังเป็น นศ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเดียวกับเพื่อนจันของเรา ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกัน เขาสนใจการเดินทางและท่องเที่ยวเลยหยุดการเรียนมาเพื่อเป็นไกด์สำหรับ eco tour แต่กำลังจะกลับไปเรียนในเทอมที่จะถึงนี้

จุดแรกที่เราแวะคือชายหาดสำหรับการเล่นเซิร์ฟบอร์ดอยู่ในเมืองที่เป็นต้นกำเนิดของผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับเล่นเซิร์ฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกคือ Rip Curl และ Biilabong แม้ว่าวันที่ไปจะอากาศหนาวและลมพัดแรงแต่ก็ยังมีจัดแข่งขันเซิร์ฟพอให้เห็นอยู่ จากนั้นเราไปต่อแถบบริเวณที่หมีโคอาล่าอาศัย พวกเราพยายามกันมากที่จะสอดส่ายสายตามองหาโคอาล่า แต่ยากที่จะเห็นในระยะใกล้ เจ้าหมีเกาะอยู่บนต้นไม้สูงๆ ต้องเล็งกล้องและซูมกันสุดๆ จึงจะได้รูปเจ้าโคอาล่า แต่เรืองบังเอิญก็เกิดขึ้นระหว่างที่เราอยู่บนรถออกจากสถานที่นั้น อยู่ๆก็มีโคอาล่าเดินตัดหน้ารถ ไกด์เราเบรกแทบไม่ทัน เราเลยได้เห็นโคอาล่าเยื้องย่าง เอื่อยเฉื่อย ในระยะประชิด ตื่นเต้นกันใหญ่คณะทัวร์ของเรา

อีกหลายจุดที่เราแวะต่อมา สร้างความรู้สึกหัวใจพองโตด้วยได้สัมผัสความยิ่งใหญ่และความสวยงามของธรรมชาติ ออสเตรเลียเป็นทั้งประเทศและทวีป ความใหญ่โตของภูมิประเทศ และ ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศแสดงให้เราเห็นทุกที่ที่เราไปเยือน ไม่ว่าจะเป็นป่าฝน Rainforest Veteran , หินยักษ์หลายแท่งที่ถูกเสาะกร่อนกลางทะเลซึ่งเรียกว่า Twelves Apostles, Loch Ard George ซึ่งเป็นแนวหินขนาดใหญ่ที่ Port Cambell National Park และที่สุดท้าย London Bridge ซึ่งเป็นแนวหินที่เดิมมีรูปทรงคล้ายสะพาน แต่ถูกพายุและน้ำทะเลเสาะกร่อนจนขาดออกจากกัน ทั้งหมดเ็ป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา

ทริปของเราจบลงที่ ลอนดอน บริดจ์ พร้อมๆกับแสงอาทิตย์ยามเย็นที่สวยงาม เราพกพาเอาภาพงดงามนั้นกลับมาด้วยและมันคงเป็นภาพพิมพ์ใจไปอีกนาน