วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Live the four seasons in a day

การเดินทางมาญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้เป็นความโชคดีอย่างยิ่งเพราะมันคือฤดูใบไม้ร่วงที่เราจะได้เห็นการผลัดใบเป็นสีส้ม สีแดง สีเหลืองของต้นไม้อย่างแจ่มชัด โดยเฉพาะคนที่มาจากประเทศที่ไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่ชัดเจนเช่นนี้เลย เราก็ตื่นเต้นและรู้สึกถึงความมหัศจรย์ของธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็เห็นว่าการที่เราได้เห็นธรรมชาติแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงจากลักษณะหนึ่งไปยังลักษณะหนึ่งมันช่วยให้เราได้คิดถึงการเดินทางของชีวิตที่ผ่านมา

การเดินทางแต่ละครั้งไม่เคยเหมือนกัน เมื่อเป็นสถานที่ใหม่ๆ คนร่วมเดินทางใหม่ๆ ทุกอย่างจะเป็นสิ่งใหม่เสมอ เรานึกถึงบ่อยครั้งที่ต้องเดินทางไกลคนเดียวมันจะมีอารมณ์ที่เกิดขึ้นหลากหลายมากทั้งความสงบ ความกลัว ความผ่อนคลาย หรือความหวาดหวั่น ณ ช่วงเวลานั้นเราได้เห็นความรู้สึกนึกคิดของตัวเองชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามท้ายสุดของการเดินทางเรามักจะค้นพบบางอย่างเสมอ อาจไม่เกี่ยวกับการเดินทางซะทีเดียว แต่อาจเป็นสาระบางอย่างของชีวิตที่ติดค้างหรือขบคิดมานาน

ฤดูใบไม่ร่วงที่ญี่ปุ่นปีนี้โชคดีที่ได้มาอยู่ที่นี่ ในวันที่เดินอยู่คนเดียวบนถนนระหว่างหิมะตกในเมืองเล็กๆอย่างทอตโตริ หรือนั่งรถขึ้นไปบนยอดเขาที่เมืองไอวามิ หรือการได้นั่งสนทนากับอาสาสมัครวัยรุ่นที่แคมป์ฝึกขี่ม้ากลางหุบเขา หรือการเดินสวนกับผู้คนจำนวนมหาศาลบนท้องถนนของโอซากา ทุกๆเวลาเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้เห็นทั้งตัวเราและโลกนี้ในมุมมองที่ต่างและใหม่จากเดิมทั้งสิ้น

ได้อ่านข้อความสั้นๆของกฤษณะมูรติเกี่ยวกับ Live the four seasons in a day แล้วก็รู้สึกว่าชีวิตคนเราจะอยู่กับการสะสมความทรงจำจากอดีตไปตลอดชีวิตได้อย่างไรและเราสามารถพบ "ความใหม่" ในตัวเราได้เสมอ

Is it not essential that there should be a constant renewal, a rebirth? If the present is burdened with the experience of yesterday there can be no renewal. Renewal is not the action of birth and death; it is beyond the opposites; only freedom from the accumulation of memory brings renewal, and there is no understanding save in the present.

The mind can understand the present only if it does not compare, judge; the desire to alter or condemn the present without understanding it gives continuance to the past. Only in comprehending the reflection of the past in the mirror of the present, without distortion, is there renewal.

If you have lived an experience fully, completely, have you not found that it leaves no traces behind? It is only the incomplete experiences that leave their mark, giving continuity to self-identified memory. We consider the present as a means to an end, so the present loses its immense significance. The present is the eternal. But how can a mind that is made up, put together, understand that which is not put together, which is beyond all value, the eternal?

As each experience arises, live it out as fully and deeply as possible; think it out, feel it out extensively and profoundly; be aware of its pain and pleasure, of your judgments and identifications. Only when experience is completed is there a renewal. We must be capable of living the four seasons in a day; to be keenly aware, to experience, to understand and be free of the gatherings of each day.

Krishnamurti.

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การเดินทางยังไม่จบลงซะทีเดียว

(หมีพูห์ที่เพิ่งไปซื้อมาจากร้านขายของเก่า)

(เพื่อนร่วมก๊วน)






(รูปถ่ายจากละแวกที่พักตอนนี้ที่ JICA OSIC)


อยู่ที่ญี่ปุ่นมาเกือบเดือน การดูงานก็มาจบลงที่การกลับเข้าเมืองใหญ่อย่างโอซากา ค่อนข้างรู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ออกไปอยู่เมืองเล็กๆอย่าง Tottori เสียนาน ที่นั่นแตกต่างจากโอซากาอยู่มาก
อย่างไรก็ตามกลับเข้าเมืองก็น่าจะได้ไปดูแสงสีญี่ปุ่นก็ข้าท่าดีเหมือนกัน

เดิมกำหนดการกลับเมืองไทยคือเมื่อวันที่ ๒๗ พย ที่ผ่านมา แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ประเทศไทยวุ่นวายถึงขั้นมียึดสนามบิน ก็ทำให้ทางองค์กรผู้จัดซึ่งดูแลเราทางญี่ปุ่นเห็นว่าดว้ยเงื่อนไขต่างๆมากมาย เรายังไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ สิ่งที่เกิดนอกเหนือแผนการณ์มาหาจนได้

การที่ต้องอยู่ญี่ปุ่นต่อโดยไม่ได้คาดหมายและไม่รู้แน่นอนว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ไม่ได้ทำให้พวกเราส่วนใหญ่ที่เดินทางมาด้วยกันสบายใจนัก แต่เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้นอกจากกังวล ก็เลยเปลี่ยนมาคิดว่าเราจะใช้เวลาที่นี่อย่างไร

ดูเหมือนการเดินทางที่น่าจะจบแล้ว ยังไม่จบซะทีเดียว แต่คิดแง่บวกเราก็มีเวลาไปเที่ยวเล่นอีกหลายที่ในโอซากา นะ (ปลอบใจตัวเองกันไป) :)

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เหตุเกิด ณ ญี่ปุ่น












มาอยู่ที่ญี่ปุ่นได้เกือบสิบวันแล้ว เริ่มต้นที่เมืองฮิโรชิมา จากนั้นก็มาอยู่ที่ทอตโตริ จังหวัดเล็กๆทางฝั่งตะวันตกของประเทศ เมืองเล็ก สงบ บ้านเรือนน่ารัก ช่วยทำให้ลืมบรรยากาศความวุ่นวายที่จากมา ได้ชะงักงันจริงๆ เดินทางครัง้นี้มาพร้อมเพื่อนรว่มคณะอีกสิบห้าคน แต่ละคนมีบุคลิกที่แตกต่างหลากหลาย แต่น่าดีใจที่ไม่มีใครมีแนวโน้มจะสรางความลำบากใจให้เพื่อนๆได้เลย เราจึงร่วมเดินทางกันไปอย่างสนุกสนานและร่วมมือร่วมไม้กันเป็นอย่างดี

เราเองรู้สึกได้ประโยชน์และสนุกสนานกับการเดินทางครั้งนี้มาก แม้ว่าช่วงแรกจะไม่คุ้นกับการร่วมเดินทางกับคนเยอะและเป็นเวลานานเท่าไหร่นัก แต่เวลานี้ก็กลับรู้สึกเหมือนได้กลุ่มเพื่อนรู้ใจกลุ่มใหม่ ที่สามารถแลกเปลี่ยนพูดคุยกันได้อย่างเปิดอกเปิดใจ เราได้เรียนรู้ทั้งชีวิตการทำงานแบะชีวิตส่วนตัวของกัน ทำให้เกิดแรงบันดาลใจสำหรับการทำงานที่เมืองไทยขึ้นมาก และเริ่มมั่นใจว่าในอนาคตเรายังมีเพื่อนร่วมทางอีกมากในเส้นทางการทำงานเดียวกัน และน่าจะช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้

สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่นับว่าเหนือความคาดหมายทุกอย่างที่คิดเอาไว้ ทั้งเรื่องการเทรนนิ่งและความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมก๊วน แอบคิดว่ากลับไปจะเหงามั้ยเนี่ย มาอยู่ด้วยกันนานซะขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ยังเชื่อว่า โชคชะตาทำให้ได้มาเจอกัน ใช้เวลาร่วมกันขนาดนี้แล้ว เรื่องของอนาคตก็คงอยู่ที่เราที่จะสานต่อกันอย่างไร

เรื่องราวจึงเริ่มต้น ณ ดินแดน ที่ผู้คนช่างใส่ใจในทุกๆรายละเอียด บ้านเมืองที่สะอาดเป็นระเบียบ และผู้คนก็มีสำนึกของการดูแลชุมชนตัวเองมากเหลือเกิน ที่ประเทศญี่ปุ่นนี้เอง

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551



Lonestar where are you out tonight? This feeling I'm trying to fight
It's dark and I think that I would give anything
For yout o shine down on me


How far you are I just don't know
The distance I'm willing to go I pick up a stone that I cast to the sky
Hoping for some kind of sign.


Lonestar
Norah Jones.