วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

"การให้อภัยไม่ใช่เรื่องของคนอ่อนแอ แต่เป็นเรื่องของคนที่เข้มแข็ง
เป็นเรื่องของคนที่รักตัวเองอย่างถูกต้อง
ไม่ใช่ปล่อยใจให้ความโกรธเผาลน หรือทำร้ายทั้งวันทั้งคืน"

พระไพศาล วิสาโล
หนังสือ "คืนสู่สามัญ"

(กราบนมัสการขอบคุณพระอาจารย์ที่เตือนสติคนกำลังโกรธและ
ยังไม่อาจยอมรับที่จะให้อภัยได้ ซึ่งมันเป็นทุกข์หนักหนาจริงๆ)

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ช่วงนี้ของชีวิตเป็นเวลาทีเหน็ดเหนื่อยจริงจัง
ภาระงานมากมายที่ประดังประเดในช่วงเวลาเดียวกัน
รู้สึกว่านับเวลาทำงานเป็นรายชั่วโมง
หายใจไม่ทัน สมองหยุดคิดไม่ได้

ต้องใช้เวลาในการเดินทางพูดคุยกับผู้คน
งานที่ต้องทำร่วมกับคนอื่นมากหน้าหลายตา
เผชิญกับคนและการทำงานที่กระทบเราในเชิงลบ
รู้สึกภาวะอารมณ์ตัวเองแย่มาก น็อตหลุดถี่ขึ้น

เห็นและเข้าใจที่มาที่ไปของสภาวะทั้งหมด
รู้สึกตัวว่าต้องจัดการข้างในเป็นลำดับแรก

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ความรู้สึกคิดถึง / ระลึกถึงอะไรบางอย่าง
แม้บางครั้งจะนำพาความหม่นหมองมาสู่ชีวิตบ้าง
แต่อาจแย่ยิ่งกว่านั้นคือสภาวะที่ไม่สามารถจะรู้สึก คิดถึง/ระลึกถึง
อะไรเหล่านั้นที่เคยรู้สึกได้มาก่อน

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

True and Lie



ความจริง กับ การโกหก มีแค่เส้นบางๆขีดคั่นไว้เท่านั้น
ความจริงของคนหนึ่ง อาจเป็นคำโกหกสำหรับอีกคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน
ในความสัมพันธ์ เราสร้างความจริงเพื่อต้องการโกหก
เราโกหกเพราะเราต้องการรักษาความสัมพันธ์
แต่คนเราต้องการความจริงเพื่อให้มั่นใจกับความสัมพันธ์
และเมื่อเราได้ยินความจริง ซึ่งอาจเป็นคำโกหก
เราก็อาจเชื่อในความจริงนั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่เราอยากฟัง

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าความจริงนั้นจะเป็นจริง แต่หากเป็นความจริงที่เราไม่อยากฟัง
เราอาจต้องการคำโกหกมากกว่า เพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้คงอยู่ต่อไป

ที่สุดแล้ว เราต้องการอะไรกันแน่ ระหว่าง "ความจริง" กับ "การโกหก"?



(หมายเหตุ: ข้างบนคือ reflection หลังจากดูหนังเรื่อง Closer แม้จะช้าไป 4 ปี)

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

Neediness


(I'm reading "Hector and the secret of love", a novel written by Francis Lelord.It's about a man -a psychiatrist- who tried to understand love and struggle through his personal love and relationship affairs.Most of the time,relationship is the big issue for our daily life not only with your so called "lover" but also with everyone who comes and exists in your life.That is such a long story and sometimes we've never known how should we deal with it.It has been on the process always,I guess)

Below is what Hector learnt about "neediness". I think everyone needs something more or less.Neediness seems to be critical in love and relationship issue.Hector found that:

"Neediness sometimes reaches peaks of suffering the intensity of which makes us fearful of the hours to come (How will I survive today? Tomorrow? The rest of my life?) It also causes moments of abstraction when we are with other people,even people we like.It is generally accepted that confiding our feelings to a close friend or professional can bring real life,although this is generally short-lived." (Page 129)

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

Blame it on my youth




If, I expected love, when first we kissed, blame it on my youth
If only just for you, I did exist, blame it on my youth
I believed in everything
Like a child of three
You meant more than anything
You meant all the world to me

If, you were on my mind, all night and day, blame it on my youth
If, I forgot to eat, and sleep and pray, blame it on my youth
If I cried a little bit, when first I learned the truth
Don't blame it on my heart, blame it on my youth

Emilie Claire Barlow

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

หาย

สิ่งที่เคยมีมันหายไปไหนหมดแล้ว...
คล้ายว่ามีบางสิ่งเคยเกิดขึ้น
แต่วันนี้ไม่หลงเหลืออะไรอีกเลยหรือ

ภาพพระอาทิตย์ยามเย็นสีแดงกลมโต
ทาบผ่านผิวนำ้ สะท้อนเงาคนกำลังเดิน
บ้างก็กำลังขี่จักรยาน งดงามในความทรงจำ

โปสการ์ดแผ่นนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียว
ที่อยู่ในมือตอนนี้ และยืนยันว่า
มีบางสิ่งเคยปรากฏอยู่ในอดีตเหล่านั้น

BlogBooster-The most productive way for mobile blogging. BlogBooster is a multi-service blog editor for iPhone, Android, WebOs and your desktop

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

ขันติ



ได้เป็นอาสาสมัครช่วยงานระดมทุนเพื่อผุ้ประสบภัยชาวญี่ปุ่นและชาวไทย
(Wish and Pray for Japan+The South)
จึงมีโอกาสได้ช่วยดูแลพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
พระอาจารย์มีเมตตาและแสดงออกถึงความรักให้กับผู้อื่นตลอดเวลา
การบรรยายธรรมของพระอาจารย์วันนั้นสาระสำคัญหนึ่ง
ซึ่งยังจดจำอยู่ในใจถึงตอนนี่้ คือ มนุษย์เราต้องรู้จักรักและเมตตาให้กับตัวเอง
พร้อมๆไปกับมอบความรักและเมตตาให้แก่ผู้อื่น
เพราะการเข้าใจตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นของความพร้อม
ที่จะเปิดใจยอมรับในความเป็นไปของผู้อื่น

การเข้าใจ รักและเมตตาให้กับตนเอง ต้องรู้จักปลดวางอคติที่ติดมากับอดีต
รวมทั้งต้องอย่าคาดหวังกับอนาคต ต้องมีสติให้มากอยู่กับปัจจุบัน
ความคิดเชิงลบทั้งหลายเป็นบ่อเกิดของความทุกข์ที่ง่ายที่สุดสำหรับมนุษย์เรา
การมีขันติ และ อุเบกขา จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวัน
ที่เราต่างต้องปะทะสังสรรค์กับผู้คนมากมายตลอดเวลา
ประทับใจคำที่สกรีนอยู่เสื้อยืดของพระอาจารย์ที่นำมาจำหน่ายระดมทุน
"มี ขันติ คือ ให้พรกับตัวเอง" เป็นประโยคง่ายๆไม่ซับซ้อน
แต่กินความหมายลึกซึ้งนักอีกทั้งยังชัดเจนพอกับการใช้ชีวิตสามัญประจำวัน
It hurts you, I know.
I feel regret but I've never apologized anymore.